ผลสำรวจที่เปิดเผยในวันนี้ (3 ต.ค.) ชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนีจาก HCOB ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 51.5 ในเดือนก.ย. จาก 49.3 ในเดือนส.ค. แม้จะต่ำกว่าที่ประเมินไว้เบื้องต้นที่ 52.5 แต่ก็ถือเป็นการกลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดยเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 8 เดือน สวนทางกับยอดธุรกิจใหม่และการจ้างงานที่ลดลงอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
การที่ภาคบริการกลับมาขยายตัวอีกครั้ง บวกกับผลผลิตภาคการผลิตที่แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนีในเดือนก.ย. แตะระดับ 52.0 สูงสุดในรอบ 16 เดือน
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ภาพรวมยังคงมีจุดอ่อนที่อาจฉุดรั้งการเติบโตในระยะยาว หากอุปสงค์ไม่ฟื้นตัว โดยยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตเดือนก.ย. ปรับตัวลดลง หยุดสถิติที่โตต่อเนื่องมา 3 เดือน ขณะที่ธุรกิจใหม่ในภาคบริการก็หดตัวลงเช่นกัน
ภาพความอ่อนแอนี้สะท้อนชัดเจนในการจ้างงานภาคบริการที่หดตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้น อัตราการปลดพนักงานยังรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 5 ปี โดยมีปัจจัยมาจากปริมาณงานค้างส่ง (backlog) ที่ลดลงและอุปสงค์ที่ซบเซาต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์มองว่า ภาวะตลาดแรงงานที่ซบเซาต่อเนื่องนี้เป็นประเด็นที่ต้องจับตา โดยเฉพาะเมื่อกระแสการถกเถียงเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานต่าง ๆ ในวงกว้างนั้น กำลังเป็นที่พูดถึงมากขึ้น
ถึงแม้จะมีความท้าทายเฉพาะหน้า แต่ผู้ประกอบการในภาคบริการส่วนใหญ่ยังคงมองอนาคตในแง่ดี โดยดัชนีความคาดหวังทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้า พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2567