ข้อมูลล่าสุดในวันนี้ (10 ต.ค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (CGPI) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดระดับราคาสินค้าและบริการที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บระหว่างกัน ขยับขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือนก่อนหน้า แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.5%
อัตราเงินเฟ้อในภาคค้าส่งของญี่ปุ่นทรงตัวในเดือนก.ย. สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันด้านต้นทุนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงเผชิญแรงกดดันให้ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ขณะที่ดัชนีราคานำเข้าในรูปสกุลเงินเยนลดลง 0.8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการลดลงที่ชะลอตัวลงมากเมื่อเทียบกับเดือนส.ค. ที่ลดลงถึง 3.9%
ราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนก.ย. จากปีก่อนหน้า ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากอัตรา 4.9% ในเดือนส.ค.
ส่วนราคาสินค้าเกษตรซึ่งรวมถึงราคาข้าว ปรับตัวสูงขึ้น 30.5% ในเดือนก.ย. ชะลอตัวลงจากที่เคยพุ่งสูงถึง 41% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขราคาค้าส่งดังกล่าวถือเป็นดัชนีชี้นำราคาผู้บริโภค และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ BOJ นำไปพิจารณาประกอบการกำหนดนโยบายการเงิน
BOJ ได้ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ดำเนินมานานนับทศวรรษไปเมื่อปีที่แล้ว และได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5% ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ด้วยมุมมองที่ว่าญี่ปุ่นใกล้จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้อย่างยั่งยืน
แม้อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคจะเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับเป้าหมาย 2% มาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าการปรับขึ้นของราคานั้นมีปัจจัยขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่เป็นผลมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นเพียงอย่างเดียว