กระทรวงข้อมูลและสถิติของเกาหลีใต้ เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (31 ต.ค.) ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ยอดค้าปลีกซึ่งเป็นมาตรวัดการใช้จ่ายภาคเอกชน ปรับตัวลดลง 0.1%
ด้านการลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวก (Facility Investment) ทะยานขึ้นถึง 12.7% ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากที่หดตัวลงในเดือนส.ค.
การเติบโตของผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวมมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากภาคบริการที่ขยายตัว 1.8% โดยการเติบโตของกลุ่มค้าส่ง-ค้าปลีก และกลุ่มการเงิน-ประกันภัย สามารถชดเชยการหดตัวของกลุ่มศิลปะ ที่พัก และบริการอาหารได้
อย่างไรก็ตาม ภาคเหมืองแร่และอุตสาหกรรมการผลิตซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ กลับมีผลผลิตลดลง 1.2% เมื่อเทียบรายเดือน
แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียด พบว่าผลผลิตเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้นถึง 19.6% ซึ่งเป็นการเติบโตรายเดือนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 สวนทางกับการผลิตรถยนต์ที่ดิ่งลง 18.3% ซึ่งเป็นการหดตัวรายเดือนที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563
อี ดู-วอน เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ให้ความเห็นว่า "การลดลงของการผลิตรถยนต์สะท้อนผลกระทบจากการเปรียบเทียบกับยอดผลิตที่สูงผิดปกติในเดือนก่อนหน้า (Base Effect) ... โดยรวมแล้วปริมาณการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกยังคงแข็งแกร่ง"
สำหรับยอดค้าปลีกที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ย. นั้น มีอัตราการหดตัวที่ชะลอลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการลดลง 2.4% ในเดือนส.ค. แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการบริโภคอาจกำลังชะลอตัวลง หลังจากหมดแรงกระตุ้นจากมาตรการแจกเงินของรัฐบาลในช่วงต้นปี
เมื่อจำแนกตามประเภทสินค้า ยอดค้าปลีกสินค้ากึ่งคงทน เช่น เสื้อผ้า ลดลง 5.7% และสินค้าไม่คงทน เช่น เครื่องสำอาง ลดลง 0.1% ขณะที่สินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า กลับขยายตัวได้ 3.9%
การลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวกที่พุ่งสูงขึ้นนั้นได้รับอานิสงส์โดยตรงจากอุตสาหกรรมชิป นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในอุปกรณ์การขนส่งเพิ่มขึ้นด้วย