สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยในวันนี้ (7 พ.ย.) ว่า ยอดส่งออกของเยอรมนีในเดือนก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาที่พลิกกลับมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่หดตัวติดต่อกันมา 5 เดือน
ข้อมูลระบุว่า ยอดส่งออกของเยอรมนีปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อปรับค่าตามปฏิทินและปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว
สำหรับดุลการค้าในเดือนก.ย.นั้น เยอรมนีเกินดุลการค้า 1.53 หมื่นล้านยูโร (1.784 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลงจากระดับ 1.8 หมื่นล้านยูโรในเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
เมื่อพิจารณารายประเทศ พบว่ายอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทะยานขึ้นถึง 11.9% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่ลดลง 5 เดือนติดต่อกันก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีที่รัฐบาลสหรัฐฯ บังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากยุโรป
ส่วนการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มขึ้น 2.5% ขณะที่การส่งออกไปยังกลุ่มประเทศนอก EU ทรงตัว
สำหรับการนำเข้า พบว่าเยอรมนีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากจีน โดยเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ สินค้าจีนไหลบ่าเข้าสู่ตลาดยุโรปมากขึ้น นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีกับจีน ทำให้สินค้าจีนบางส่วนถูกส่งออกไปยังตลาดอื่นแทน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างเรียกร้องให้ EU ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อปกป้องภาคธุรกิจและการจ้างงานในภูมิภาค