สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในวันนี้ (14 พ.ย.) ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 6.5% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5%
ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนต.ค. ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 3% และเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเดือนที่ 5 ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8%
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. ที่ลดลงเพียง 0.5% และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจลดลง 0.8%
ส่วนอัตราว่างงานในพื้นที่เขตเมืองอยู่ที่ระดับ 5.1% ในเดือนต.ค. ลดลงจากระดับ 5.2% ในเดือนก.ย.
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลงและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน การที่เดือนต.ค.มีวันหยุดยาวหลายวันในจีนยังส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของภาคโรงงาน
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนยังเปิดเผยว่า ราคาบ้านใหม่ใน 70 เมืองของจีน ซึ่งไม่รวมที่อยู่อาศัยที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล ลดลง 0.45% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 1 ปี ส่วนราคาบ้านมือสองลดลง 0.66% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรวดเร็วที่สุดในรอบ 13 เดือน
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการผ่อนคลายที่จีนประกาศใช้ล่าสุดนั้น ยังไม่สามารถฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวขึ้นได้ โดยในช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เมืองใหญ่ที่สุด 3 เมืองของจีนซึ่งได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น ประกาศผ่อนคลายกฎระเบียบการซื้อบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ชานเมือง โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) มองว่า มาตรการล่าสุดนี้มีประสิทธิผลน้อยกว่ามาตรการที่ประกาศใช้ในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้ครัวเรือนที่ซบเซา รวมทั้งการชะลอตัวลงของการขยายพื้นที่เขตเมือง
ทั้งนี้ การชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนที่ยืดเยื้อมานานถึง 4 ปียังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ราคาบ้านที่ตกต่ำลงเป็นเวลานานทำให้ผู้ซื้อบ้านลังเล เนื่องจากกังวลว่าอสังหาริมทรัพย์อาจจะไม่ใช่แหล่งลงทุนที่จะเพิ่มความมั่งคั่งได้อีกต่อไป