กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (21 พ.ย.) ว่า ยอดส่งออกโดยรวมของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น 3.6% ในเดือนต.ค. แตะระดับ 9.77 ล้านล้านเยน เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่สอง โดยส่วนหนึ่งมาจากการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่ขยายตัวขึ้น
ด้านยอดนำเข้าขยับขึ้น 0.7% สู่ระดับ 10 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่สองเช่นกัน ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 2.318 แสนล้านเยนในเดือนต.ค. ลดลง 53.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
รายงานเบื้องต้นของกระทรวงการคลังระบุว่า ญี่ปุ่นส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลง 3.1% จากเดือนต.ค.ของปีก่อน แตะที่ระดับ 1.75 ล้านล้านเยน (1.11 หมื่นล้านดอลลาร์) ลดลงติดต่อกันเดือนที่เจ็ด เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งปรับตัวลง 7.5% ในเดือนต.ค.
ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 20.9% แตะที่ระดับ 1.22 ล้านล้านเยน เนื่องจากมีการสั่งซื้อเครื่องบินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ญี่ปุ่นเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ลดลง 33.6% แตะที่ 5.294 แสนล้านเยน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในเดือนก.ค. ผ่านมา ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้ทำข้อตกลงปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ลงเหลือ 15% จากระดับ 27.5% ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านั้น โดยข้อตกลงใหม่นี้มีผลบังคับใช้ในช่วงกลางเดือนก.ย. อย่างไรก็ดี อัตราภาษีใหม่ยังคงสูงกว่าระดับ 2.5% ที่ประกาศใช้ก่อนเดือนเม.ย.ถึงสองเท่า
สำหรับการค้ากับจีน รายงานระบุว่า ญี่ปุ่นยังคงขาดดุลการค้ากับจีน 7.665 แสนล้านเยนในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการขาดดุลติดต่อกันเดือนที่ 55