ผลสำรวจจาก S&P Global เปิดเผยวันนี้ (3 ธ.ค.) ว่า ภาคบริการของญี่ปุ่นในเดือนพ.ย.ยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.2 จากระดับ 53.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นการยืนเหนือระดับ 50.0 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวและยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้นและมีการจ้างงานเพิ่มในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. แม้ยอดคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกจะยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ก็ตาม
ในด้านต้นทุน พบว่าราคาปัจจัยการผลิตพุ่งสูงขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยเฉพาะค่าจ้างแรงงาน ค่าพลังงาน และวัสดุก่อสร้าง แม้แรงกดดันด้านราคาสินค้าขาออกจะเริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้ว
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่น ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายก็ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 เช่นกัน โดยขยับขึ้นมาอยู่ที่ 52.0 ในเดือนพ.ย. จาก 51.5 ในเดือนก่อนหน้า
แอนนาเบล ฟิดเดส รองผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global Market Intelligence ให้ความเห็นว่า "ตัวเลข PMI ล่าสุดสะท้อนว่าผลผลิตภาคเอกชนของญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยได้ภาคบริการที่แข็งแกร่งเข้ามาช่วยชดเชยผลผลิตภาคโรงงานที่ลดลง"
นอกจากนี้ ฟิดเดสยังกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 21.3 ล้านล้านเยน (1.37 แสนล้านดอลลาร์) ที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ เพิ่งอนุมัติเมื่อสัปดาห์ก่อนหลังจาก GDP ไตรมาส 3 หดตัว
"หลังจากรัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่นอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อหนุนการเติบโตและบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนที่พุ่งสูง เราต้องจับตาดูว่ามาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์และผลผลิตในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าได้จริงหรือไม่"