ผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของเยอรมนีจาก HCOB ซึ่งจัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) เปิดเผยในวันนี้ (16 ธ.ค.) ว่า การเติบโตของภาคเอกชนเยอรมนีชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. โดยมีปัจจัยกดดันจากปริมาณธุรกิจใหม่ที่ทรงตัวและผลผลิตภาคการผลิตที่ปรับตัวลดลง
ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของเยอรมนีปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.5 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 เดือน
อย่างไรก็ดี เดือนธ.ค. นับเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันที่ดัชนี PMI รวม ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งเป็นเกณฑ์บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว
รายงานระบุว่า การขยายตัวของภาคบริการได้ชะลอตัวลงสู่อัตราต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. โดยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 52.6 ในเดือนธ.ค. ลดลงจาก 53.1 ในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการในภาคบริการมียอดคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน ในขณะที่คำสั่งซื้อในภาคการผลิตลดลงด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายเพื่อการส่งออกที่ลดลง
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นได้ปรับตัวลดลงลึกเข้าไปในภาวะหดตัว โดยอยู่ที่ระดับ 47.7 ลดลงจาก 48.2 ในเดือนก่อนหน้า
ไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวว่า ภาคการผลิตกำลังประสบกับความยุ่งเหยิงจากการหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลด้านเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
อย่างไรก็ตาม เดอ ลา รูเบีย ตั้งข้อสังเกตว่า ความเชื่อมั่นในภาคการผลิตกลับปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลได้เปิดตัวโครงการคมนาคมขนส่งหลายโครงการ การตัดสินใจปฏิรูปเพื่อลดขั้นตอนทางราชการ และความต้องการขยายขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ โดยอุตสาหกรรมจะกลับมาฟื้นตัวได้ก็ต่อเมื่อมาตรการเหล่านี้ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับสถานการณ์การจ้างงานในภาคเอกชนยังคงปรับตัวลดลง แม้ว่าจะเป็นอัตราที่ช้ากว่าในเดือนพ.ย. เนื่องจากมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในภาคบริการ ในขณะที่การลดจำนวนพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมชะลอตัวลง