บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor Corp.) เปิดเผยในวันนี้ (25 ธ.ค.) ว่า ยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกในเดือนพ.ย. ปรับตัวลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 821,723 คัน ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยมีสาเหตุมาจากการผลิตที่ชะลอตัวในประเทศจีนและญี่ปุ่น
ขณะที่ยอดขายทั่วโลกปรับตัวลง 2.2% มาอยู่ที่ 900,011 คัน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 11 เดือน โดยเฉพาะในตลาดจีนที่ยอดขายดิ่งลงถึง 12.1% เหลือ 154,645 คัน
โตโยต้าระบุว่า ยอดการผลิตในต่างประเทศของบริษัทลดลง 3.4% มาอยู่ที่ 563,546 คัน โดยยอดผลิตในจีนร่วงหนักถึง 14.0% เหลือเพียง 145,707 คัน เนื่องจากมาตรการอุดหนุนของรัฐบาลในหลายพื้นที่ของจีนสิ้นสุดลง
การผลิตในอินโดนีเซียร่วงหนักเช่นกัน โดยลดลง 11.2% ท่ามกลางสภาพตลาดที่ยากลำบากจากการคัดกรองสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น ตลอดจนการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม ส่วนการผลิตในประเทศญี่ปุ่นเองก็ลดลง 9.7% มาอยู่ที่ 258,177 คัน เนื่องจากจำนวนวันทำงานของโรงงานน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ยอดผลิตในสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้น 9.0% สู่ระดับ 107,953 คัน ขานรับความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นต้องเผชิญกับกำแพงภาษีสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นก็ตาม
ในส่วนของยอดขายโดยรวมในต่างประเทศ ลดลง 2.6% อยู่ที่ 769,789 คัน แต่ยอดขายในสหรัฐฯ เติบโตสวนทางที่ 2.7% แตะ 212,772 คัน สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวหลังจากที่เคยต้องระงับการผลิตชั่วคราวจากการเรียกคืนรถบางรุ่นเมื่อปีที่ผ่านมา
ในทางกลับกัน ยอดขายในจีนยังคงซบเซา เนื่องจากการยุติมาตรการอุดหนุน และการที่ลูกค้าบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อรอการเปิดตัวรถ SUV รุ่นใหม่ RAV4 ขณะที่ยอดขายในญี่ปุ่นลดลงเล็กน้อย 0.2% อยู่ที่ 130,222 คัน