ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนส.ค.จะอยู่ที่ 4.09 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับระดับ 4.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกปรับทบทวนลงจากรายงานเบื้องต้นที่ 4.06 หมื่นล้านดอลลาร์
ยอดส่งออกของสหรัฐขยายตัว 0.2% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.985 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอดส่งออกสินค้าทุน สินค้าอุปโภคบริโภค และวัตถุดิบภาคอุตสาหกรรมล้วนปรับตัวขึ้น ขณะที่การส่งออกอาหารและยานยนต์ลดลง
ยอดนำเข้าปรับตัวขึ้น 0.1% แตะ 2.386 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอดนำเข้าปิโตรเลียมและยานยนต์ปรับตัวลง ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุนทำสถิติสูงสุด
โดยในเดือนส.ค. สหรัฐส่งออกปิโตรเลียมทำสถิติสูงสุด 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าปิโตรเลียมแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 ที่ 2.72 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากภาคพลังงานที่เฟื่องฟูในประเทศทำให้สหรัฐลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ และส่งผลให้ยอดขาดดุลการค้าปิโตรเลียมของสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี
รายงานระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐกับเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ยอดขาดดุลการค้ากับจีนลดลงเล็กน้อย ขณะที่ยอดส่งออกของสหรัฐไปยังญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2539