นักวิเคราะห์ระบุว่า ถึงแม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค. แต่การที่ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้พุ่งขึ้นหลังจากลดลงในเดือนพ.ย. จะเป็นการส่งสัญญาณให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปีนี้
ทั้งนี้ ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานพุ่งขึ้น 10 เซนต์ สู่ระดับ 26 ดอลลาร์ โดยทะยานขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ปรับตัวลงในเดือนพ.ย.
"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการขยายตัวของตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งปรับตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009" นายสก็อต คลีมอนส์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของบริษัทบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์รีแมน กล่าว
"สิ่งนี้เป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่ทำให้เฟดได้ข้อสรุปว่าตลาดแรงงานได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว ทำให้พวกเขาสามารถเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้" เขากล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.7% หลังร่วงลงสู่ระดับ 4.6% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 ปี
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.7%
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 12,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนต.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 62.7% ในเดือนธ.ค.