ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นได้ขยายตัว 2.2% เทียบรายปีในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่คึกคัก ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การส่งออกโดยรวมของญี่ปุ่นได้ขยายตัว 2.1% เทียบรายไตรมาส ยอดส่งออกอันแข็งแกร่งไปยังเอเชียยังคงหนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นพึ่งพาอุปสงค์จากต่างประเทศในสัดส่วนค่อนข้างสูง ส่วนการบริโภคภาคเอกชนที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของ GDP นั้นได้ขยายตัว 0.4% ทางด้านการลงทุนภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่รัฐบาลญี่ปุ่นติดตามอย่างใกล้ชิด ขยายตัว 0.2% ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 1.9% ขณะที่การลงทุนภาครัฐหดตัวลง 0.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้
การอ่อนค่าของเงินเยนเทียบดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลจากกระแสคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะแข็งแกร่งขึ้นนั้น ได้ช่วยทำเงินให้กับกลุ่มผู้ส่งออกญี่ปุ่น เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนมักทำให้สินค้าญี่ปุ่นมีราคาน่าดึงดูดใจยิ่งขึ้น และยังทำให้บริษัทส่งออกของญี่ปุ่นมีกำไรจากต่างประเทศมากขึ้นเมื่อนำเงินกลับประเทศ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังมีความวิตกในเรื่องแนวโน้มอันไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีแนวคิดแบบ "อเมริกาต้องมาก่อน" โดยปธน.ทรัมป์ได้มีการดำเนินการในประเด็นที่สหรัฐขาดดุลการค้ากับประเทศต่างๆ เช่น จีนและญี่ปุ่น