กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพรุ่งนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
นายทอม เอสเซย์ ผู้ก่อตั้งเดอะ เซเวนส์ รีพอร์ท กล่าวว่า ตัวเลข CPI ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ จะเป็นตัวเลข CPI ที่มีความสำคัญที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงใหญ่ที่สุดต่อการทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีของตลาดหุ้นในขณะนี้
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวอย่างผันผวนในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น หลังเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง โดยดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงมากกว่า 1,000 จุดเป็นเวลา 2 วัน ขณะที่พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเป็นเวลา 2 วันเช่นกัน
ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนม.ค.ชะลอตัวสู่ระดับ 1.9% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.1% ในเดือนธ.ค.
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจเผชิญภาวะทรุดตัวอย่างหนักอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หากดัชนี CPI พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้
นายปิแอร์ คูร์แรน หัวหน้าฝ่ายซื้อขายหุ้นของบริษัทแอมพลิฟาย เทรดดิ้ง กล่าวว่า ภาวะตลาดจะขึ้นอยู่กับการเปิดเผยตัวเลข CPI
"ตัวเลข CPI ที่จะมีการประกาศในวันพุธ เป็นตัวเลขเงินเฟ้อที่มีความสำคัญอย่างมาก ถ้าหากตัวเลข CPI อยู่ที่ระดับ 1.9% หรือมากกว่า 2% ก็จะทำให้ตลาดหุ้นถูกเทขายออกมาเหมือนกับในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ถ้าตัวเลข CPI อยู่ที่ราว 1.7-1.8% ผมก็คิดว่าตลาดจะสงบลง" เขากล่าว
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ส่วนใหญ่ปรับตัวที่ระดับ 1.7% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
คำกล่าวของนายคูร์แรนสอดคล้องกับนายเจสัน แวร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของอัลเบียน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งกล่าวว่า "หากตัวเลข CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็จะสร้างความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในตลาด แต่ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และหุ้นก็จะทะยานขึ้น"