ธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียได้ปัจจัยหนุนจากตลาดรแรงงานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และการอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือนที่เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเตือนว่า นโยบายกีดกันการค้าที่รัฐบาลสหรัฐนำมาใช้นั้น จะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ในการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% โดยหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ธนาคารกลางตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นั้น มาจากความกังวลที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน
รายงานการประชุมระบุว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียย้ำว่าจะดำเนินโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยจะรอให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นอีก
ทั้งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศจะขยายตัวโดยเฉลี่ยที่ระดับ 3% ในปี 2561 และ 2562 นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังคาดหวังว่า ภาวะขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงานขณะนี้ จะส่งผลให้ค่าจ้างปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงจีน
อย่างไรก็ตาม รายงานการประชุมระบุว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียไม่ได้แสดงความกังวลต่อการที่ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ภายในประเทศได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองบ้าน โดยธนาคารกลางระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่าภาคธนาคารยังคงมีการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี
ทั้งนี้ในช่วงต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 3 แห่งของออสเตรเลียได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการจำนองบ้าน ซึ่งได้แก่ เวสต์แพค แบงก์, คอมมอนเวลท์ แบงก์ (CBA) และออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงก์ (ANZ)