กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 4.493 แสนล้านเยนในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกในรอบ 2 เดือน เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าพลังงานที่สูงขึ้นนั้น ส่งผลให้ยอดการนำเข้าในเดือนต.ค.ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 5 เดือน
รายงานระบุว่า ยอดนำเข้าในเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 19.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 7.69 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2557 โดยยอดนำเข้าน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 33.7% เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ก่อนที่จะชะลอตัวลงในช่วงต้นเดือนต.ค.
ขณะที่ยอดการส่งออกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 8.2% แตะที่ระดับ 7.24 ล้านล้านเยน โดยยอดส่งออกฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงในเดือนก.ย. อันเนื่องมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงพายุไต้ฝุ่นที่เป็นสาเหตุให้ต้องปิดสนามบินหลักที่โอซากา ขณะที่ยอดการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐปรับตัวขึ้น และยอดส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกไปยังประเทศจีนปรับตัวขึ้นเช่นกัน
เมื่อพิจารณาเป็นรายประเทศพบว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐมูลค่า 5.734 แสนล้านเยน แม้ตัวเลขดังกล่าวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากยอดการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันจากสหรัฐพุ่งขึ้นถึง 10 เท่า
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ากับจีนมูลค่า 4.062 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 หลังจากยอดนำเข้าเสื้อผ้าและโทรศัพท์มือถือปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังขาดดุลการค้ากับสหภาพยุโรปมูลค่า 7.31 หมื่นล้านเยน เนื่องจากยอดนำเข้าเครื่องบินจากฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้น