กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า รายได้ด้านการคลังของจีนในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 5.36 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
รายได้ด้านการคลังที่จัดเก็บโดยรัฐบาลกลางของจีนอยู่ที่ระดับ 2.53 ล้านล้านหยวนในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่รายได้ที่จัดเก็บโดยรัฐบาลท้องถิ่น เพิ่มขึ้น 6.8% แตะที่ 2.83 ล้านล้านหยวน
ส่วนรายจ่ายด้านการคลังของจีนในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 15% เทียบรายปี แตะที่ระดับกว่า 5.86 ล้านล้านหยวน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลจีนจะยังคงรักษาจุดยืนด้านนโยบายการคลังเชิงรุกในปี 2562 โดยจะทำให้สัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อให้รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายในการจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ปีนี้ ทางการจีนได้เริ่มปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มในหลายภาคส่วนอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมการผลิต การขนส่ง และการก่อสร้าง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของรายได้ด้านการคลัง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจีนระบุว่า นโยบายจูงใจด้านภาษีจะช่วยลดภาระให้กับบรรดาวิสาหกิจ อีกทั้งจะกระตุ้นกิจกรรมในตลาดให้มีความคึกคัก และเสริมสร้างเสถียรภาพการเติบโตของเศรษฐกิจมหภาคจีนให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย พร้อมกับคาดการณ์ว่า จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวของรายได้ด้านการคลังรายปี