ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าสินค้าเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนส. ค. โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของยอดส่งออกอุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ไปยังประเทศจีน เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงมีอยู่ระหว่างจีนกับสหรัฐ
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานขั้นต้นในวันนี้ระบุว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าสินค้า 1.363 แสนล้านเยน (1.26 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนส.ค. หลังจากขาดดุล 2.507 แสนล้านเยนซึ่งมีการปรับแก้ไขแล้วในเดือนก.ค. รายงานของกระทรวงระบุว่า การส่งออกในเดือนส.ค.ร่วงลง 8.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 6.14 ล้านล้านเยน โดยลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน และการนำเข้าร่วงลง 12.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 6.28 ล้านล้านเยน โดยลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่การนำเข้าน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงานอื่นๆ มายังญี่ปุ่น ลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า
เมื่อพิจารณาตามภูมิภาคนั้น การส่งออกไปยังจีน ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตจอแอลซีดี และชิ้นส่วนรถยนต์ ดิ่งลง 12.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังระบุว่า เป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
ส่วนการนำเข้าจากจีนร่วงลง 8.5% ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้ากับจีนซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดที่ระดับ 2.168 แสนล้านเยน
การส่งออกของญี่ปุ่นไปยังเกาหลีใต้ร่วงลง 9.4% สู่ 4.226 แสนล้านเยน ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นระหว่าง 2 ประเทศนับตั้งแต่เดือนก.ค.
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐที่ 4.720 แสนล้านเยน แต่การส่งออกรถยนต์ร่วงลง 13.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี