สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลการค้าเดือนต.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 4.502 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 6.847 พันล้านดอลลาร์
รายงานของสำนักงานสถิติยังระบุด้วยว่า ยอดส่งออกของออสเตรเลียหดตัวลง 3% ในเดือนต.ค. เนื่องจากราคาสินค้าในกลุ่มทรัพยากรปรับตัวลดลง ซึ่งรวมถึงแร่เหล็กและถ่านหิน ขณะที่ยอดการนำเข้ายังคงทรงตัว
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายในร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าปรับตัวลดลง
ยอดค้าปลีกที่ซบเซาของออสเตรเลียสะท้อนให้เห็นว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และมาตรการลดหย่อนภาษีของรัฐบาลนั้น ไม่สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน
ส่วนเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562 ขยายตัว 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่หากเทียบเป็นรายไตรมาส GDP ไตรมาส 3 ของออสเตรเลีย ขยายตัวเพียง 0.4% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.5%
สาเหตุที่ทำให้ GDP ของออสเตรเลียขยายตัวอย่างซบเซานั้น มาจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน โดยยอดการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวเพียง 0.1% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่อัตราการออมของภาคครัวเรือนพุ่งขึ้นแตระดับ 4.8% จากไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.7%