สำนักงานสถิติของเยอรมนีเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของเยอรมนีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน หลังจากมีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่รัฐบาลได้นำมาใช้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนหน้านี้
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติระบุว่า ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากร่วงลง 6.5% ในเดือนเม.ย. และดีกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า ยอดค้าปลีกอาจปรับตัวขึ้นเพียง 3.9%
เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 3.8% หลังจากหดตัว 6.4% ในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ ข้อมูลยังเผยด้วยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ผู้บริโภคชาวเยอรมันหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าจากหน้าร้าน และหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น โดยยอดขายสินค้าออนไลน์ในช่วงเวลาดังกล่าวปรับตัวขึ้นถึง 28.7% ส่วนยอดขายเสื้อผ้าและรองเท้าดิ่งลง 22%
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัย GfK และเผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.ของเยอรมนี ปรับตัวขึ้นแตะระดับ -9.6 ซึ่งฟื้นตัวขึ้นจากระดับ -18.6 ในเดือนมิ.ย. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ -15.0
ผลสำรวจชี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเยอรมนีเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเริ่มเปิดเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม ซึ่งทำให้ผู้บริโภคคาดหวังว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะฟื้นตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้