ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 45.4 ในเดือนพ.ค. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่หลายรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่ต้องล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการซึ่งคิดเป็นสองในสามของเศรษฐกิจสหรัฐได้กลับเข้าสู่ภาวะขยายตัวแล้ว หลังจากที่ร่วงลงไปแตะระดับ 41.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย. จะอยู่ที่ 48.9
ดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย.แตะระดับสูงที่สุดในรอบ 4 เดือนและดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน โดยคำสั่งซื้อใหม่พุ่งขึ้นแตะ 61.6 ในเดือนมิ.ย. จาก 41.9 ในเดือนพ.ค. ขณะที่การจ้างงานเพิ่มขึ้นแตะ 43.1 ในเดือนมิ.ย. จาก 31.8 ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่
การเปิดเผยดัชนีภาคบริการในวันนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ISM เผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หรือในรอบ 14 เดือน หลังจากหดตัวเป็นเวลา 3 เดือน
การดีดตัวของดัชนีภาคบริการและภาคการผลิตในเดือนมิ.ย.ได้รับปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กลับมาพุ่งสูงขึ้นในสหรัฐในช่วงนี้ โดยเฉพาะรัฐที่มีประชากรหนาแน่นอย่าง แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และเท็กซัส อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในภาคธุรกิจอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นดังกล่าว