กระทรวงฝ่ายกิจการภายในประเทศและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นการทำสถิติปรับตัวลง 9 เดือนติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวเป็นการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพ.ค.ซึ่งการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนทำสถิติดิ่งลงถึง 16.2% ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์นับแต่เริ่มเผยแพร่ข้อมูลครั้งแรกในเดือนม.ค. 2544
รายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนที่มีสมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปอยู่ที่ 273,699 เยน (2,600 ดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนมิ.ย. ตัวเลขดังกล่าวยังปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีการอุปโภคบริโภคจาก 8% เป็น 10%
รายงานระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนฟื้นตัวในเดือนมิ.ย.นั้น มาจากการที่รัฐบาลประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 25 พ.ค. รวมถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือ 100,000 เยนต่อคนในช่วงต้นเดือนพ.ค.ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อปรับค่าตามฤดูกาลแล้ว ตัวเลขค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนในเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 13% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับแต่เริ่มเปรียบเทียบข้อมูลในเดือนก.พ. 2543 และเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนถือเป็นมาตรวัดการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่น