สำนักงานสถิติแห่งชาติสิงคโปร์รายงานในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 79.7% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 54%
อย่างไรก็ดี สำนักงานสถิติระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของสิงคโปร์ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนมูลค่าโดยรวมของยอดค้าปลีกในเดือนพ.ค.อยู่ที่ระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 2.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในจำนวนนี้เป็นยอดค้าปลีกออนไลน์ประมาณ 13.7%
รายงานของสำนักงานสถิติยังระบุว่า ยอดขายด้านการบริการอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวขึ้น 46.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่มีการขยายตัวแข็งแกร่งถึง 73.8%
อย่างไรก็ดี นายราวี เมนอน ผู้ว่าการธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) เชื่อมั่นว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์ในปี 2564 จะสูงกว่ากรอบคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4-6% โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของอุปสงค์ทั่วโลก และความคืบหน้าของโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในสิงคโปร์
"ปีนี้เป็นปีของการต่อสู้กันระหว่างไวรัสและวัคซีน โดยเศรษฐกิจสิงคโปร์ดีดตัวขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ในขณะเดียวกันผลผลิตทางเศรษฐกิจก็ได้รับความเสียหายในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ดี ผมคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเป็นวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปี 2564" นายเมนอนกล่าว
ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ได้คงตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 เอาไว้ที่ 4-6% หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ปรับตัวสูงขึ้น โดยรัฐบาลจะทบทวนตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจอีกครั้งในเดือนส.ค.นี้