ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียร่วงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือนในเดือนพ.ค. เนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นได้บั่นทอนสถานะทางการเงินของภาคครัวเรือน และเป้าหมายในการใช้จ่ายเงิน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคซึ่งจัดทำโดยสถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นที่มีการเผยแพร่ในวันนี้ (11 พ.ค.) ร่วงลง 5.6% ในเดือนพ.ค.จากเดือนเม.ย.ซึ่งลดลง 0.9% และดัชนีดังกล่าวลดลง 20.1% จากเดือนพ.ค.ปีที่ผ่านมาแตะที่ 90.5 ซึ่งแสดงว่า จำนวนผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นลบนั้นมีมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ซบเซาอาจส่งผลกระทบต่อนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ซึ่งมีกำหนดลงสนามเลือกตั้งในวันที่ 21 พ.ค.นี้ โดยผลสำรวจความคิดเห็นบ่งชี้ว่า เขามีคะแนนนิยมตามหลังคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง
"ปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสร้างความวิตกกังวลให้กับผู้บริโภคอย่างชัดเจน โดยในวันที่ 27 เม.ย. เงินเฟ้อทั่วไปปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 และในวันที่ 2 พ.ค. ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2553" นายบิล อีแวนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เวสต์แพคกล่าว
RBA มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ 0.35% พร้อมเตือนว่าอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจนควบคุมไม่อยู่ โดยการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืมนี้เสริมกับแรงกดดันราคาจากน้ำมัน, ที่อยู่อาศัย และอาหาร ส่งผลให้ดัชนีชี้วัดสถานะทางการเงินของภาคครัวเรือนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าในผลสำรวจฉบับดังกล่าว ปรับตัวลง 11.2%