ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียจากสถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์น ปรับตัวลดลง 3.0% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 หลังจากที่ลดลง 3.0% เช่นกันในเดือนก.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ยังลดลง 22%
ชาวออสเตรเลียมีความเชื่อมั่นลดลงแตะระดับเดียวกับช่วงโควิด-19 ระบาดแรก ๆ โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลียขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น
ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นได้เพิ่มแรงกดดันจากที่ชาวออสเตรเลียเผชิญกับปัญหาราคาพลังงาน ที่อยู่อาศัย และอาหารแพงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่งผลให้ชาวออสเตรเลียมีความต้องการซื้อสินค้าครัวเรือนชิ้นใหญ่ลดลง 8.4%
นอกจากนี้ ดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง 8.0% ส่วนดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้าปรับตัวลดลง 1.0%
ตัวเลขดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เพิ่งประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% สู่ระดับ 1.85% ในการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 4 ครั้งติดต่อกัน พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า
นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการ RBA ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยถือเป็นการดำเนินอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติ และยังกล่าวด้วยว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นภารกิจสำคัญสูงสุดที่ RBA นำมาใช้เพื่อฉุดตัวเลขเงินเฟ้อให้ลดลงสู่กรอบ 2-3%
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานว่า ขณะนี้ตัวเลขเงินเฟ้อของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับ 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2533