องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยรายงานล่าสุดระบุว่า ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนาต่างก็คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในปีหน้า โดยเชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจจะช่วยยับยั้งการชะลอตัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของการพัฒนามนุษย์ (Human Development)
UN เปิดเผยในรายงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ฉบับใหม่ โดยระบุว่า ประมาณ 70% ของประชากรในประเทศที่มีคะแนนการพัฒนามนุษย์ในระดับต่ำและระดับปานกลางนั้น คาดการณ์ถึงผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจาก AI โดย 2 ใน 3 ของประชากรที่เข้าร่วมการสำรวจมองเห็นถึงประโยชน์ของการใช้ AI ในด้านการศึกษา สุขภาพ หรืองานด้านอื่น ๆ
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้จากการสำรวจประชากรใน 21 ประเทศรวมถึงจีน อินเดีย และบราซิล โดยคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 2 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั่วโลก
อคิม สไตเนอร์ ผู้บริหารโครงการ UNDP กล่าวว่า "ท่ามกลางภาวะปั่นป่วนที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ เราต้องเร่งสำรวจแนวทางใหม่ ๆ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา ... แม้ AI จะไม่ใช่ยาครอบจักรวาล แต่ทางเลือกที่เรามีอยู่นั้น ก็มีศักยภาพมากพอที่จะจุดประกายการพัฒนามนุษย์อีกครั้ง อีกทั้งจะช่วยเปิดเส้นทางและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ"
รายงานของ UN ยังพบว่า การพัฒนามนุษย์ทั่วโลกในปี 2567 เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 อันเนื่องมาจากภาวะสงคราม ความตึงเครียดทางการค้า และวิกฤตหนี้ที่เลวร้ายลง นอกจากนี้ ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่อันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 นั้น ยังส่งผลต่ออัตราการพัฒนามนุษย์ ในขณะที่ความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศที่มีการพัฒนามากที่สุดและน้อยที่สุดได้เพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
ผลการสำรวจล่าสุดของ UN นั้น สอดคล้องกับการที่ประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วได้เพิ่มการใช้จ่ายด้าน AI นำโดยสหรัฐฯ ที่มีการลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่บริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) เปิดตัวแชตบอต แชตจีพีที (ChatGPT) บรรดาธุรกิจและภาครัฐได้ทุ่มเงินลงทุนใน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการค้นพบด้านการวิจัย