ไรอัน แลนซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโคโนโคฟิลลิปส์ (ConocoPhillips) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐฯ เตือนว่าการร่วงลงของราคาน้ำมันอาจส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำมันลดการผลิต พร้อมกับกล่าวว่า แม้ดุลบัญชีของบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมน้ำมันจะอยู่ในระดับที่ดี แต่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 50 ดอลลาร์หรือต่ำกว่าระดับดังกล่าวนั้น จะผลักดันให้กิจกรรมการผลิตน้ำมันอ่อนแอลง แม้แต่ในหมู่บริษัทรายใหญ่ก็ตาม
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายไตรมาส 1 ปีนี้ โดยถูกกดดันจากความวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลให้เศรษฐกิจอ่อนแอลงและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลงด้วย
การแสดงความเห็นดังกล่าวของแลนซ์มีขึ้นหลังจากโคโนโคฟิลลิปส์เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2568 ในวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) โดยระบุว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.09 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.06 ดอลลาร์
ส่วนการผลิตน้ำมันของโคโนโคฟิลลิปส์ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 2.38 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 487,000 ล้านบาร์เรล/วันจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อบริษัทมาราธอน ออยล์ (Marathon Oil)
ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงประมาณ 7.7% และราคาน้ำมันเบรนท์ดิ่งลงกว่า 8% ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันฟื้นตัวในสัปดาห์นี้ โดยน้ำมัน WTI ปิดตลาดดีดตัวขึ้นกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดของโลก จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในระหว่างพบปะกันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันเสาร์นี้
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ จะพบปะกับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันเสาร์นี้ (10 พ.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นภาษีศุลกากรและการค้า ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในวันเสาร์นี้จะมีสาระสำคัญมากกว่าที่คิดไว้ และเขาจะไม่แปลกใจหากทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลง