ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มผันผวนในวันนี้ (19 พ.ค.) หลังจากมูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody's Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจีนหลายรายการในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนเม.ย. และอัตราว่างงานเดือนเม.ย.
-- มูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody's Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ Aa1 จากระดับ Aaa เมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) โดยให้เหตุผลว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นด้วย
มูดี้ส์ระบุในแถลงการณ์ว่า "การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงหนึ่งขั้นสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สาธารณะและภาระดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีอันดับใกล้เคียงกันอย่างมาก"
อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ได้ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จาก "เชิงลบ" กลับมาเป็น "มีเสถียรภาพ" หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนพ.ย. 2566 มูดี้ส์เคยปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จาก "มีเสถียรภาพ" เป็น "เชิงลบ"
-- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุด ขณะที่ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นกว่า 60 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ (19 พ.ค.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากมูดี้ส์ เรทติ้งส์ (Moody's Ratings) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ Aa1 จากระดับ Aaa
-- โจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ วัย 82 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง ซึ่งแพร่กระจายไปยังกระดูกแล้ว โดยสำนักงานของไบเดนออกแถลงการณ์ว่าไบเดนได้รับการวินิจฉัยดังกล่าว หลังจากมีอาการผิดปกติที่ระบบปัสสาวะ โดยขณะนี้ไบเดนและครอบครัวกำลังพิจารณาทางเลือกในการรักษาร่วมกับคณะแพทย์
แถลงการณ์ของสำนักงานไบเดนระบุว่า อาการป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากของไบเดนอยู่ในระดับความรุนแรงสูง โดยมีคะแนน 9 จาก 10 ของระบบคะแนน Gleason (Gleason score) ซึ่งเป็นระบบการให้คะแนนที่ใช้วัดความรุนแรงของมะเร็งต่อมลูกหมาก
ทางด้านประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเคยวิพากษ์วิจารณ์ไบเดนตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.ปีนี้ ได้โพสต์ข้อแสดงความเห็นใจ พร้อมกับส่งกำลังใจให้กับไบเดนและภรรยาของเขา จิล ไบเดน
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ย "โดยเร็ว อย่าช้า" พร้อมตำหนิประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ที่อยู่เฉยไม่ดำเนินการอะไร
"คนส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า เฟดควรลดอัตราดอกเบี้ยโดยเร็ว อย่าช้า" ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันเสาร์ (17 พ.ค.)
-- เจนเซน หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินวิเดีย (Nvidia) แสดงความมั่นใจว่า ลูกค้าและพันธมิตรของบริษัทปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด โดยยังไม่พบหลักฐานว่าชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัทถูกส่งต่อไปยังจีนอย่างผิดกฎหมาย
หวงให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กที่กรุงไทเปว่า ชิปของอินวิเดียมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะลักลอบขนส่งได้ง่าย โดยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่อย่างระบบ Grace Blackwell มีน้ำหนักเกือบ 2 ตัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าเป้
-- เรือใบขนาดใหญ่ของกองทัพเรือเม็กซิโก ซึ่งกำลังเดินทางเยือนนิวยอร์กในช่วงเทศกาล ได้ชนเข้ากับสะพานบรูคลินเมื่อคืนวันเสาร์ (17 พ.ค.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนบนเรือ
รายงานระบุว่า เรือลำดังกล่าวคือเรือ Cuauhtemoc ของกองทัพเรือเม็กซิโก และขณะเกิดเหตุมีคนอยู่บนเรือ 277 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน และอีก 17 คนมีอาการรุนแรง ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิง
-- สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาให้เงินอุดหนุนสำหรับการสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเทสลา (Tesla) เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้านภาษีศุลกากรกับสหรัฐอเมริกา
สถานีโทรทัศน์ TBS รายงานเมื่อวันเสาร์ (17 พ.ค.) ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเงินอุดหนุนของญี่ปุ่น และเรียกร้องให้นโยบายดังกล่าวรวมการอุดหนุนการสร้างเครือข่าย Supercharger ของเทสลาด้วย โดยปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินอุดหนุนเฉพาะการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามมาตรฐาน CHAdeMO ซึ่งได้รับการพัฒนาในญี่ปุ่นเท่านั้น
-- กระทรวงพาณิชย์จีนระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (18 พ.ค.) ว่า จีนจะจัดเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับการนำเข้าพอลิฟอร์มัลดีไฮด์โคพอลิเมอร์ (polyformaldehyde copolymer) ที่มีแหล่งกำเนิดจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ไต้หวัน และญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 5 ปี
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จากการสืบสวนพบว่าการนำเข้าพอลิฟอร์มัลดีไฮด์โคพอลิเมอร์จากประเทศและภูมิภาคดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการทุ่มตลาด ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่ออุตสาหกรรมในประเทศ โดยอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดจะอยู่ระหว่าง 3.8-74.9%
-- ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเปิดเผยในวันนี้ (19 พ.ค.) ได้แก่ จีนเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนเม.ย. และอัตราว่างงานเดือนเม.ย.
ทางด้านอียูเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.