ฟรองซัว-ฟิลิปป์ ชองปาญ รัฐมนตรีคลังของแคนาดา เผยเมื่อวันอังคาร (20 พ.ค.) ว่า การประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) ที่เมืองแบมฟ์ รัฐแอลเบอร์ตา ในอีกสองวันข้างหน้า จะมุ่งเน้นการหาทางร่วมกันเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเน้นประเด็นพื้นฐาน เช่น กำลังการผลิตส่วนเกิน การค้าที่ไม่เป็นธรรม และอาชญากรรมทางการเงิน
ชองปาญยอมรับว่าความตึงเครียดจากมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นปัญหา โดยจะมีการพูดคุยเรื่องนี้ทั้งในการประชุมรวมของ G7 และการหารือแบบตัวต่อตัวกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ
แม้จะมีความขัดแย้ง แต่ชองปาญระบุว่ายังมีหลายเรื่องที่ทุกประเทศสามารถร่วมมือกันได้ โดยเฉพาะการประสานมาตรการรับมือปัญหาใหญ่ที่กระทบเศรษฐกิจโลก
ขณะเดียวกัน เบสเซนต์พยายามผลักดันให้ชาติพันธมิตรใน G7 รับมือกับนโยบายเศรษฐกิจของจีนที่เน้นการสนับสนุนจากรัฐและมุ่งเน้นการส่งออก ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของกำลังการผลิตส่วนเกินและสินค้าราคาถูกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ใช้กลไกตลาด
อย่างไรก็ตาม สมาชิก G7 หลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี อาจต้องเผชิญกับการขึ้นภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 20% หรือมากกว่านั้นในช่วงต้นเดือนก.ค. สหราชอาณาจักรเองแม้จะบรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วนกับสหรัฐฯ แต่ก็ยังถูกเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ ขณะที่แคนาดายังคงเผชิญกับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในอัตรา 25%
นอกจากนี้ ชองปาญยังกล่าวว่า G7 จะหารือแนวทางควบคุมการนำเข้าพัสดุราคาต่ำจากจีนให้เข้มงวดขึ้น เพื่อลดการลักลอบนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะเฟนทานิลและสารตั้งต้น ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกข้อยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ การลดการลักลอบนำเข้าเฟนทานิลถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการยกเลิกภาษี 25% ที่สหรัฐฯ ใช้กับสินค้าบางรายการจากแคนาดาและเม็กซิโก รวมถึงภาษี 20% ต่อสินค้าจากจีนด้วย