กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ (2 มิ.ย.) เพื่อตอบโต้กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวหาเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า จีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงทวิภาคีเกี่ยวกับการทยอยลดภาษีนำเข้า โดยรัฐบาลจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่า "ไม่มีมูลความจริง" พร้อมประกาศเตรียมใช้มาตรการตอบโต้ที่แข็งกร้าวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
ทางการจีนยืนยันว่า จีนได้ดำเนินการตามข้อตกลงร่วมที่เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนพ.ค. ณ กรุงเจนีวาอย่างจริงจังต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐฯ กลับใช้มาตรการกีดกันทางการค้าแบบเลือกปฏิบัติกับจีนหลายประการ
หนึ่งในมาตรการล่าสุดของสหรัฐฯ ได้แก่ การระงับการขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน การออกข้อแนะนำใหม่ด้านการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีนบางส่วน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการค้าโดยฝ่ายเดียว และเป็นต้นเหตุของความไม่แน่นอนในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนยังระบุว่า แม้ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันเพื่อชะลอการจัดเก็บภาษีนำเข้า 90 วัน และจีนได้ให้คำมั่นว่าจะยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกโลหะที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ แต่ฝั่งอเมริกากลับเลือกเดินหน้าบีบจีนต่อไป
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีนเป็น 50% จากเดิม 25% แม้ก่อนหน้านี้จีนจะเป็นผู้ผลิตและส่งออกเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็แทบไม่สามารถส่งเหล็กไปขายในตลาดสหรัฐฯ ได้เลยนับตั้งแต่สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษี 25% ตั้งแต่ปี 2561 ส่วนในตลาดอะลูมิเนียมนั้น จีนยังคงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 3 ไปยังสหรัฐฯ
ทั้งนี้ แม้จีนระบุว่า จะใช้มาตรการตอบโต้แบบ "แข็งกร้าว" แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่ามาตรการเหล่านั้นจะมีลักษณะอย่างไร