โอเปก (OPEC) ประเมินว่า ความต้องการพลังงานของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 24% ภายในปี 2593 และความต้องการใช้น้ำมันอาจเกิน 120 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายงาน World Oil Outlook ประจำปี 2567 ของโอเปก
ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) จะลดลงแตะระดับใกล้ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลภายในสิ้นปีนี้ และจะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 59 ดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในตลาดโลกเมื่อวันอังคาร (10 มิ.ย.) อยู่ที่ 67.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ไฮธาม อัล-กาอิส เลขาธิการโอเปกกล่าวระหว่างการประชุม Global Energy Show ที่เมืองคัลการี ประเทศแคนาดาว่า ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 25 ปีข้างหน้า ท่ามกลางการขยายตัวของประชากรโลก พร้อมระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณว่าความต้องการใช้น้ำมันจะถึงจุดสูงสุดในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ เขายังกล่าวชื่นชมความสามารถของภาคอุตสาหกรรมน้ำมันแคนาดาที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน โอเปกได้ทยอยปรับเพิ่มการผลิตเร็วกว่ากำหนดเดิม โดยเพิ่มกำลังการผลิตรวม 411,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงเดือนพ.ค.ถึงก.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันราคาน้ำมันให้อ่อนตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ร่วมกับความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อัล-กาอิสยังเน้นย้ำถึงจุดยืนของโอเปกที่สนับสนุนแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่เขาเห็นว่าเกินจริง โดยชี้ว่าควรพิจารณาใช้แหล่งพลังงานทุกประเภทอย่างสมดุล แทนที่จะเลือกสนับสนุนเพียงบางแหล่งแล้วละทิ้งแหล่งอื่น ๆ