กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนในวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) ว่า ยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจซบเซา หากไม่มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การลงทุนที่อ่อนแอ และภัยคุกคามทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
IMF ระบุว่า ความตึงเครียดด้านการค้าและอุปสงค์ที่ซบเซาลง กำลังส่งผลกระทบต่อแรงผลักดันทางเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยุโรปจะเผชิญภาวะขาลง ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 0.8% ในปี 2568 แม้อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมายก็ตาม
IMF แนะนำให้รัฐบาลในกลุ่มยูโรโซนใช้มาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อพลิกฟื้นประสิทธิภาพด้านการผลิตและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว พร้อมกับเตือนว่าการแตกกลุ่ม (fragmentation) ทางการค้าที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ กำลังบั่นทอนการเติบโตของภาคเอกชน เนื่องจากบริษัทเอกชนต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร โดยหากรัฐบาลในกลุ่มยูโรโซนสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวผ่านการใช้กฎระเบียบที่สอดคล้องกันและการปฏิรูปตลาดทุน ก็อาจช่วยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 3% ภายในช่วงเวลา 10 ปี
นอกจากนี้ รายงานของ IMF ระบุว่า ประเทศในกลุ่มยูโรโซนที่มีสถานะการคลังที่แข็งแกร่งควรจะเพิ่มการลงทุน เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ การดูแลประชากรสูงวัย และการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศได้ทำให้งบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 0.9% ในปี 2568, 1.1% ในปี 2569 และ 1.3% ในปี 2570 โดย ECB ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวในปี 2569 ลง 0.1% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.