เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2 ของปีนี้ยังคงแข็งแกร่ง แม้ชะลอลงจากไตรมาสแรก ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เริ่มคลี่คลายลง โดยนักเศรษฐศาสตร์จีนชี้ว่า แม้อัตราการเติบโตอาจลดลง แต่เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัว
ข้อมูลจากผลสำรวจรายไตรมาสล่าสุดโดยนิกเกอิ (Nikkei) และนิกเกอิ ควิก นิวส์ (Nikkei Quick News) ระบุว่า เศรษฐกิจจีนน่าจะขยายตัวเฉลี่ย 5% ในช่วงเดือนเม.ย.มิ.ย. ลดลงจาก 5.4% ที่ทำไว้ในไตรมาสแรก ขณะที่หากคำนวณในรูปแบบรายไตรมาสที่มีการปรับตามฤดูกาลซึ่งสะท้อนแรงส่งของเศรษฐกิจโดยตรงนั้น อัตราการขยายตัวจะอยู่ที่เพียง 0.8% เมื่อเทียบกับ 1.2% ในไตรมาสแรก
สาเหตุหนึ่งของความผันผวนนี้เกิดจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งปะทุขึ้นอีกครั้งหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากจีนและประเทศอื่น ๆ เมื่อต้นเดือนเม.ย. โดยทั้งสองประเทศต่างตอบโต้กันด้วยภาษีสูงเกิน 100% ก่อนบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในเดือนพ.ค.ที่นครเจนีวา และต่อมาได้มีการเจรจาเพิ่มเติมในเดือนมิ.ย.ที่กรุงลอนดอน ซึ่งช่วยเสริมความมั่นคงของข้อตกลงดังกล่าว
แม้สถานการณ์ด้านการค้าเริ่มผ่อนคลาย แต่การบรรลุเป้าหมายการเติบโตทั้งปีที่ประมาณ 5% ตามที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้นั้น ยังคงถือเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากยังมีความเสี่ยงด้านเงินฝืดและความไม่แน่นอนของภาคการค้าระหว่างประเทศ
สำหรับการคาดการณ์ตลอดทั้งปีนั้น นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 29 รายได้ปรับประมาณการให้กลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตภาษี โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเติบโตเฉลี่ยที่ 4.6% ในปีนี้