ฮาดี ซูเก็ง เลขาธิการสมาคมน้ำมันปาล์มอินโดนีเซีย (GAPKI) เปิดเผยต่อสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันนี้ (8 ก.ค.) ว่า การส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียไปยังสหรัฐฯ อาจดิ่งลงอย่างหนัก หากสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีสินค้าอินโดนีเซียในอัตรา 32% ตามที่ขู่ไว้ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มถือเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของอินโดนีเซียไปยังสหรัฐฯ
ฮาดีกล่าวว่า หากมีการใช้ภาษีดังกล่าวจริง ก็อาจทำให้การขนส่งน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึง 15-20% โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังสหรัฐฯ เฉลี่ยปีละ 2.25 ล้านเมตริกตัน
"ความสามารถในการแข่งขันของน้ำมันปาล์มจะลดลงเมื่อเทียบกับน้ำมันพืชชนิดอื่น เช่น น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันเรพซีด โดยเฉพาะหากประเทศที่ส่งออกน้ำมันพืชเหล่านี้ได้รับการเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า" ฮาดีกล่าวเสริมนอกจากนี้ น้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ถึง 85% อาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับน้ำมันปาล์มของมาเลเซีย ซึ่งเผชิญกับอัตราภาษีที่ต่ำกว่า
อนึ่ง ในปี 2567 อินโดนีเซียส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั่วโลกรวม 29.5 ล้านตัน
เจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐกิจของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า หัวหน้าคณะเจรจาการค้าของอินโดนีเซียมีกำหนดเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในวันนี้ เพื่อเข้าพบกับผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ