ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป
ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยอัตราภาษีใหม่นี้ผ่านจดหมายที่ส่งถึงเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และคลอเดีย เชนบาม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ซึ่งเขาได้โพสต์จดหมายทั้งสองฉบับบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันเสาร์ (12 ก.ค.)
ในจดหมายถึงผู้นำเม็กซิโก ทรัมป์ยอมรับว่าเม็กซิโกให้ความช่วยเหลือในการสกัดกั้นการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ แต่ระบุว่าเม็กซิโกยังทำไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งไม่ให้อเมริกาเหนือกลายเป็น "แหล่งซ่องสุมการค้ายาเสพติด"
ส่วนในจดหมายถึงสหภาพยุโรป ทรัมป์ระบุตอนหนึ่งว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อ EU ถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ
-- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุดในช่วงเช้าวันนี้ (14 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป
ขณะที่ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 20 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจาก EU และเม็กซิโก
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มเปิดลบในวันนี้ อันเนื่องมาจากข่าวดังกล่าว
-- เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ออกมาเตือนว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมประกาศว่า EU จะตอบโต้ด้วยมาตรการที่เหมาะสมหากจำเป็น
"การเรียกเก็บภาษีนำเข้า 30% จากสินค้าของ EU จะสร้างความปั่นป่วนให้กับห่วงโซ่อุปทานข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ ผู้บริโภค และผู้ป่วยทั้งสองฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก" ประธาน EC ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของ EU ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (12 ก.ค.)
-- บริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ของอีลอน มัสก์ ตกลงที่จะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในบริษัท เอ็กซ์เอไอ (xAI) ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปปัญญาประดิษฐ์ของมัสก์เอง ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัลที่อ้างการเปิดเผยจากแหล่งข่าววงในทั้งสองบริษัท
รายงานข่าวระบุว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการระดมทุน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของเอ็กซ์เอไอที่มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ประกาศไปเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่สเปซเอ็กซ์เข้าลงทุนในเอ็กซ์เอไอ และยังเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสเปซเอ็กซ์ในบริษัทอื่น
-- เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค. รายงานว่า ดัชนี Kospi ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีโอกาสขยับขึ้นมากกว่า 50% จากระดับปัจจุบันภายในสองปี หากการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลในภาคธุรกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มเชิงบวกนี้เกิดขึ้น หลังจากที่เจพีมอร์แกนได้ปรับคำแนะนำหุ้นเกาหลีใต้เป็น "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน" เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากเป้าหมายของประธานาธิบดีลี แจ มยอง ที่ตั้งใจจะเร่งปลดล็อกขั้นตอนถัดไปของการปฏิรูปธรรมาภิบาล พร้อมทั้งตั้งเป้าผลักดันดัชนี Kospi ให้แตะ 5,000 จุดภายในช่วงระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 5 ปีของเขา
-- กูเกิล (Google) บริษัทในเครือของอัลฟาเบท (Alphabet) ได้บรรลุข้อตกลงในการว่าจ้างทีมงานหลักของวินด์เซิร์ฟ (Windsurf) ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปด้านการเขียนโค้ดด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมทั้งซื้อสิทธิการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท หลังจากที่ข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการของวินด์เซิร์ฟโดยโอเพนเอไอ (OpenAI) คู่แข่งของกูเกิลนั้นล้มเหลวไป
กูเกิลประกาศได้ว่าจ้าง วารุน โมฮัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวินด์เซิร์ฟ และ ดักลาส เฉิน ผู้ร่วมก่อตั้ง รวมถึงพนักงานบางส่วน ให้เข้าร่วมงานกับดีปมายด์ (DeepMind) แผนก AI ของกูเกิล
-- รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เริ่มต้นการปรับโครงสร้างบุคลากรทางการทูตครั้งใหญ่ โดยในวันศุกร์ (11 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ดำเนินการปลดพนักงานในประเทศมากกว่า 1,350 คน ซึ่งนักวิจารณ์มองว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจบั่นทอนศักยภาพของสหรัฐฯ ในการปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของตนในต่างแดน
มาตรการปลดพนักงานดังกล่าวส่งผลกระทบต่อข้าราชการพลเรือน 1,107 คน และเจ้าหน้าที่บริการทางการทูตอีก 246 คน ทั้งหมดปฏิบัติงานอยู่ภายในประเทศ โดยเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตระดับนานาชาติหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งในฉนวนกาซาที่ยืดเยื้อมานานเกือบสองปี และความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเปิดเผยในวันนี้ (14 ก.ค.) ได้แก่ ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. (ประมาณการครั้งสุดท้าย), สิงคโปร์เปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568, จีนเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนมิ.ย. รวมถึงยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนเดือนมิ.ย. และอินเดียเปิดเผยตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.