ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มเปิดไร้ทิศทางในวันนี้ (16 ก.ค.) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคาร (15 ก.ค.) ว่า เขาได้บรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับอินโดนีเซียแล้ว โดยจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินโดนีเซียไปยังสหรัฐฯ ในอัตรา 19%
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีกำหนดจะประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินในวันนี้
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เขามีแนวโน้มที่จะกำหนดภาษีนำเข้าเภสัชภัณฑ์โดยเร็วที่สุดภายในสิ้นเดือนนี้ และภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ก็อาจเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาษีนำเข้าเหล่านี้อาจมีผลบังคับใช้ควบคู่ไปกับอัตราภาษีตอบโต้ในวงกว้างที่มีกำหนดเริ่มใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร (15 ก.ค.) ขณะเดินทางกลับกรุงวอชิงตันหลังจากเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เมืองพิตต์สเบิร์ก โดยระบุว่า "น่าจะเป็นช่วงสิ้นเดือนนี้ เราจะเริ่มจากการเก็บภาษีที่ระดับต่ำก่อน โดยจะให้เวลาบริษัทเภสัชภัณฑ์ราว 1 ปีในการปรับตัวสร้างฐานการผลิต จากนั้นเราจะปรับเป็นภาษีที่ระดับสูงมาก"
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความบน Truth Social ระบุว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับอินโดนีเซียแล้ว
สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียในอัตรา 19% หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ขู่เรียกเก็บภาษีดังกล่าวสูงถึง 32%
-- โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า สินค้าสหรัฐฯ จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอินโดนีเซีย ขณะที่อินโดนีเซียจะต้องจ่ายภาษีศุลกากรเมื่อมีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ลุตนิกไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศแต่อย่างใด
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.)
"เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3% เพราะเงินเฟ้อต่ำมาก และจะเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณได้ถึงปีละ 1 ล้านล้านดอลลาร์"
-- สตาร์บัคส์ (Starbucks) เครือข่ายร้านกาแฟชื่อดังระดับโลก ประกาศว่า พนักงานของสตาร์บัคส์จะต้องกลับเข้าทำงานในออฟฟิศสัปดาห์ละ 4 วัน เริ่มตั้งแต่เดือนต.ค. จากเดิมที่เข้าสัปดาห์ละ 3 วันในขณะนี้
ส่วนพนักงานที่ไม่ต้องการกลับมาทำงานในออฟฟิศเพิ่มอีก 1 วัน และต้องการลาออกจากบริษัท สตาร์บัคส์ก็ได้เสนอ "โครงการลาออกโดยสมัครใจครั้งเดียว พร้อมเงินชดเชย"
-- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.6% จากระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.1% ในเดือนพ.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.0% จากระดับ 2.8% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.1% ในเดือนพ.ค.
-- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นสู่ระดับ +5.5 ในเดือนก.ค. จากระดับ -16.0 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -8.3
ดัชนีดีดตัวสูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเปิดเผยในวันนี้ (16 ก.ค.) ได้แก่ เกาหลีใต้เปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิ.ย. และอัตราว่างงานเดือนมิ.ย., อังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย., อินโดนีเซียเปิดเผยธนาคารกลางอินโดนีเซียแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA), และจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเช้าวันที่ 17 ก.ค.