แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุว่า สงครามการค้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังดำเนินอยู่นั้น เป็นแนวทางที่ผิดในการแก้ปัญหาความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก และจะส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน
เบลีย์กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีที่ Mansion House เมื่อวันอังคาร (15 ก.ค.) โดยเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน ร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าและการเงินที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งกำลังบิดเบือนเศรษฐกิจและเป็นต้นตอของความตึงเครียดทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้น
เบลีย์ระบุว่า การหาจุดสมดุลระหว่างเศรษฐกิจโลกที่เปิดเสรีกับผลประโยชน์ของชาติ เป็นประเด็นที่มีมายาวนาน แต่กฎเกณฑ์ของกระบวนการที่ใช้นั้นต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ไม่ใช่การกำหนดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแม้จะมีอำนาจมากก็ตาม เพราะนั่นไม่ใช่ทางออกสำหรับเสถียรภาพที่ยั่งยืน
แม้ทรัมป์ใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อหวังดึงงานอุตสาหกรรมกลับสู่สหรัฐฯ แต่เบลีย์เตือนว่า แผนนี้อาจส่งผลตรงกันข้าม โดยชี้ว่า การขึ้นภาษีนำเข้าเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกแตกแยกเป็นหลายส่วน และทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง
เบลีย์กล่าวทิ้งท้ายว่า เราต้องไม่ลืมว่าความท้าทายที่ทุกประเทศต้องเผชิญคือการผลักดันให้เศรษฐกิจโลกเติบโต เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน
ทั้งนี้ คำเตือนของเบลีย์มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากทรัมป์ประกาศขู่รีดภาษีนำเข้า 30% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้เก็บภาษีนำเข้า 30% สำหรับสินค้าจากจีน และกำหนดอัตราภาษีนำเข้าขั้นต่ำ 10% กับสินค้านำเข้าจากทั่วโลกยกเว้นเพียงบางรายการ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่ามาตรการภาษีดังกล่าวจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจโลก