มูดี้ส์ อนาไลติคส์ (Moodys Analytics) คาดการณ์ว่า มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก 30% อาจทำให้เศรษฐกิจของเม็กซิโกหดตัวลงถึง 1 จุดเปอร์เซ็นต์ภายในปีหน้า
มูดี้ส์เปิดเผยว่า การประเมินดังกล่าวอ้างอิงจากประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งระบุว่า อัตราภาษีใหม่ 30% จะมีผลบังคับใช้ในเดือนส.ค.นี้
อัลเฟรโด คูตินโญ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจลาตินอเมริกาของมูดี้ส์ อนาไลติคส์กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อดุลการค้าของเม็กซิโก โดยทำให้ราคาสินค้าของเม็กซิโกสูงขึ้นและไม่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกัน ซึ่งจะส่งผลให้คำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ ลดลง และส่งผลต่อเนื่องต่อการผลิตและการจ้างงานภายในประเทศเม็กซิโก
รายงานของมูดี้ส์ระบุว่า ผลกระทบจะปรากฏทันทีในรูปแบบของการส่งออกจากเม็กซิโกไปยังสหรัฐฯ ที่ลดลง 3.4% ภายในช่วง 3 เดือนแรกของการเก็บภาษีรอบใหม่ และหากนับรวมตลอดทั้งปี การส่งออกทั้งหมดอาจลดลงราว 2.6% เมื่อคำนึงถึงผลกระทบเพิ่มเติมจากการนำเข้า ค่าเงิน และปัจจัยอื่น ๆ
มาตรการภาษีล่าสุดของสหรัฐฯ นี้จะซ้ำเติมกำแพงภาษีการค้าเดิม เช่น ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม รวมถึงโควตานำเข้ามะเขือเทศที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อไม่นานมานี้
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเม็กซิโก ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลาตินอเมริกา รองจากบราซิลนั้น เติบโตเพียง 1.4% ในปี 2567 ลดลงจาก 3.3% ในปี 2566