บูดี ซานโตโซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน พอใจอัตราภาษีที่ 19% เชื่อจะทำให้อินโดนีเซียได้เปรียบในการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ
"ในอาเซียน เรามีอัตราภาษีที่ต่ำที่สุด" ซานโตโซกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงจาการ์ตา เมื่อวันพุธ (16 ก.ค.) หลังเสร็จสิ้นการประชุมกับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร
รมว.การค้าเผยว่า ก่อนการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ รัฐบาลอินโดนีเซียได้เตรียมมาตรการเพื่อการบรรเทาหรือลดหย่อน โดยอินโดนีเซียได้ลิสต์รายการสินค้า 10 อันดับแรกที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพื่อบรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
ซานโตโซเน้นย้ำว่า อัตราภาษีที่ 19% ยังถือว่าน่าพอใจ เพราะทำให้อินโดนีเซียมีโอกาสเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ได้มากขึ้น
"จนถึงตอนนี้ การส่งออกของเรายังคงทำได้ดี หากเราสามารถรักษาอัตราภาษีนี้ไว้ได้จนถึงวันที่ 1 ส.ค. นั่นหมายความว่าโอกาสของเราในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ จะยิ่งมากขึ้น" เขากล่าวก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเม.ย. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศอัตราภาษีตอบโต้ หรือภาษีต่างตอบแทน (reciprocal tariff) ต่ออินโดนีเซียที่ 32% ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 ก.ค.) ส่งผลให้อัตราภาษีดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ 19% โดยจะมีผลในวันที่ 1 ส.ค.นี้
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน อัตราภาษีที่อินโดนีเซียถูกเรียกเก็บนั้นถือว่าต่ำที่สุดในตอนนี้ โดยเวียดนามและฟิลิปปินส์อยู่ที่ 20% มาเลเซียและบรูไน 25% ไทยและกัมพูชา 36% เมียนมาและลาว 40% อย่างไรก็ดี รมว.การค้าอินโดนีเซียไม่ได้กล่าวถึงสิงคโปร์ ซึ่งถูกสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีพื้นฐาน (baseline tariff) ที่ 10%
นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุมกับคณะกรรมาธิการฯ ซานโตโซยังเผยด้วยว่า ข้อตกลงระหว่างอินโดนีเซียและสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่เรื่องการเข้าถึงตลาดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนด้วย โดยสหรัฐฯ จะลงทุนในหลายภาคส่วนของอินโดนีเซีย เช่น ภาคพลังงาน