ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ออสเตรเลียได้ตกลงที่จะเปิดตลาดรับเนื้อวัวจากสหรัฐฯ หลังจากที่ออสเตรเลียซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ได้ผ่อนคลายข้อจำกัดการนำเข้าที่เคยสร้างความไม่พอใจแก่ปธน.ทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา
"ประเทศอื่น ๆ ที่ปฏิเสธเนื้อวัวอันยอดเยี่ยมของเรากำลังถูกจับตามอง" ทรัมป์โพสต์บนทรูธ โซเชียล (Truth Social) ในวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.)
จูลี คอลลินส์ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของออสเตรเลียกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า หลังจากการประเมินทางวิทยาศาสตร์และคำนึงถึงความเสี่ยงอย่างเข้มงวดแล้ว ออสเตรเลียได้สรุปว่ามาตรการของสหรัฐฯ ในการเฝ้าระวังและควบคุมการเคลื่อนย้ายปศุสัตว์นั้น หมายความว่าความเสี่ยงด้านชีวภาพที่ออสเตรเลียเคยกังวลได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
คณะบริหารของปธน.ทรัมป์ได้ออกมาขานรับความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยมองว่าข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของสหรัฐฯ โดยเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า ออสเตรเลียเคยกำหนดมาตรการที่เป็นอุปสรรคอย่างไม่สมเหตุสมผลต่อเนื้อวัวสหรัฐฯ แต่ตอนนี้มาตรการดังกล่าวถูกยกเลิกแล้ว
ขณะที่บรู๊ค โรลลินส์ รัฐมนตรีเกษตรสหรัฐฯ กล่าวว่า เกษตรกรและผู้เลี้ยงปศุสัตว์ชาวอเมริกันผลิตเนื้อวัวที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่อุปสรรคทางการค้าที่ไม่ได้อิงหลักการทางวิทยาศาสตร์จะขัดขวางไม่ให้เนื้อวัวของสหรัฐฯ ถูกขายให้กับผู้บริโภคในออสเตรเลียเหมือนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื้อจากโคกระบือที่เกิด โต และถูกเชือดในสหรัฐฯ ได้รับอนุญาตให้นำเข้าออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2562 แต่มีผู้ผลิตเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าโคกระบือของตนอยู่เฉพาะในสหรัฐฯ เนื่องจากโคกระบือมักเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโกโดยไม่มีการติดตามที่เพียงพอ
ต่อมาสหรัฐฯ ได้ปรับปรุงความสามารถในการติดตามการเคลื่อนย้ายของโคกระบือเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของไข้หวัดนกและหนอนแมลงวัน New World ซึ่งเป็นปรสิตที่กินโคกระบือทั้งเป็น ขณะที่กระทรวงเกษตรของออสเตรเลียระบุว่า เมื่อตระหนักถึงการปรับปรุงเหล่านี้ ออสเตรเลียจะยอมรับเนื้อวัวที่มาจากโคกระบือที่เกิดในแคนาดาหรือเม็กซิโก และนำเข้าและเชือดในสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายด้วย
นับตั้งแต่กลับเข้าทำเนียบขาวในเดือนม.ค.ปีนี้ ปธน.ทรัมป์ได้พยายามเจรจาข้อตกลงทางการค้าใหม่กับหลายประเทศที่เขาอ้างว่าได้เปรียบสหรัฐฯ มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าการทำข้อตกลงกับออสเตรเลียครั้งนี้ไม่น่าจะทำให้การส่งออกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากราคาเนื้อวัวในออสเตรเลียอยู่ในระดับต่ำกว่ามาก