สหรัฐฯ และปากีสถานได้บรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันแล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมถึงการที่ปากีสถานจะได้รับการปรับลดอัตราภาษีศุลกากร ในขณะที่สหรัฐฯ จะช่วยพัฒนาแหล่งสำรองน้ำมันของปากีสถาน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียในวันพุธ (30 ก.ค.) ว่า "เราเพิ่งบรรลุข้อตกลงกับประเทศปากีสถาน ซึ่งปากีสถานและสหรัฐอเมริกาจะทำงานร่วมกันในการพัฒนาแหล่งสำรองน้ำมันขนาดใหญ่ของพวกเขา"
"เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการเลือกบริษัทน้ำมันที่จะเป็นผู้นำความร่วมมือนี้" ปธน.ทรัมป์โพสต์ โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม
ทั้งนี้ แม้ว่าปธน.ทรัมป์ไม่ได้ระบุถึงข้อตกลงใด ๆ เกี่ยวกับอัตราภาษีศุลกากร แต่กระทรวงการคลังปากีสถานเปิดเผยในวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า ข้อตกลงการค้าดังกล่าวจะส่งผลให้ทั้งสองประเทศปรับลดอัตราภาษีศุลกากรต่อกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกสินค้าจากปากีสถานไปยังสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าภาษีเหล่านี้มีอัตราเท่าใด
"ข้อตกลงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงาน เหมืองแร่และแร่ธาตุ ไอที คริปโทเคอร์เรนซี และภาคส่วนอื่น ๆ" กระทรวงการคลังปากีสถานระบุ
ทางด้านอิสฮัก ดาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของปากีสถาน ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเพื่อยืนยันถึงการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวกับสหรัฐฯ เช่นกัน โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ ปากีสถานมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับอัตราภาษีสูงถึง 29% สำหรับการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ภายใต้มาตรการภาษีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในเดือนเม.ย. ก่อนที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว 90 วันในภายหลัง เพื่อให้ประเทศคู่ค้าสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ได้