คิม จอง-กวาน รัฐมนตรีอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันหลังจากมีการประกาศข้อตกลงการค้าในวันพุธ (30 ก.ค.) ว่า หนึ่งในคำแนะนำที่ทีมงานได้รับในการเจรจาการค้าก็คือให้เรียกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่า เป็นบุคคลที่ "ยอดเยี่ยม" และพูดคุยกันในแบบที่เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยคิมมองว่า ทรัมป์คือ "ปรมาจารย์ด้านการเจรจา"
ด้านคู ยุน-ชอล รัฐมนตรีคลัง เปิดเผยว่า ทีมเจรจาของเกาหลีใต้เพิ่งทราบแน่ชัดว่าจะได้พบกับประธานาธิบดีทรัมป์ ก็เมื่อเห็นข้อความในโซเชียลมีเดีย โดยการเจรจาใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่อรองกันเรื่องจำนวนเงินในกองทุนลงทุน และสุดท้ายได้ข้อสรุปที่ 3.5 แสนล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เคยเรียกร้องให้เกาหลีใต้ยกเลิกข้อจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจากวัวที่มีอายุมากกว่า 30 เดือน แต่ ยอ ฮัน-กู รัฐมนตรีการค้า ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ โดยแสดงภาพถ่ายการประท้วงครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนจากความกังวลเรื่องโรควัวบ้า
คิมกล่าวว่า ภาพถ่ายที่นำเสนอในการเจรจาช่วยให้ฝ่ายสหรัฐฯ เข้าใจสถานการณ์ภายในประเทศของเกาหลีใต้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บรรดารัฐมนตรีเกาหลีใต้ซึ่งรับผิดชอบการเจรจาข้อตกลงการค้าครั้งสุดท้ายกับทรัมป์เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเจรจากับทรัมป์ พวกเขาได้สวมบทบาทสมมติและขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีรับมือกับผู้นำที่คาดเดาได้ยากอย่างทรัมป์
คูระบุเสริมว่า ทีมเจรจาได้รวบรวมกลยุทธ์จากการเจรจาของฝ่ายตรงข้ามไว้ล่วงหน้า และคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับแนวทางตอบโต้ต่าง ๆ ทำให้การเจรจาครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นมาก
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ทีมงานแต่ละคน รวมถึงตนเอง คู ยุน-ชอล และ ยอ ฮัน-กู ได้ผลัดกันสวมบทบาทเป็นทรัมป์ โดยเตรียมสถานการณ์จำลองหลากหลายแบบเพื่อตอบคำถาม เนื่องจากสไตล์การพูดของทรัมป์นั้นกระชับและตรงประเด็น
ยอเล่าว่า ทรัมป์ได้กล่าวระหว่างการประชุมว่า การที่เขาเข้าร่วมการเจรจาด้วยตนเองทั้งที่คู่เจรจาไม่ใช่ผู้นำประเทศนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และสะท้อนว่าเขาให้ความเคารพและเห็นความสำคัญของเกาหลีใต้เป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเกาหลีใต้นั้น การเจรจาครั้งนี้มีเดิมพันสูงมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก อีกทั้งคณะเจรจาชุดปัจจุบันก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานหลังประธานาธิบดีอี แจ มยอง ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนมิ.ย.