รัฐบาลไต้หวัน นำโดยประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรี แถลงวันนี้ (1 ส.ค.) โดยเชื่อว่า มาตรการภาษีศุลกากร 20% ของสหรัฐฯ เป็นเพียง "เรื่องชั่วคราว" เท่านั้น และรัฐบาลจะเดินหน้าเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้อัตราภาษีที่เหมาะสม ในระหว่างการเจรจาขั้นตอนสุดท้าย
ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แห่งไต้หวัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "เมื่อบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์แล้ว คาดว่าอัตราภาษีจะถูกปรับลดลงอีก" ซึ่งสอดคล้องกับแถลงการณ์ของคณะรัฐมนตรีที่ได้ย้ำในทิศทางเดียวกัน
ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) เพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 10% ถึง 41% กับสินค้านำเข้าจากกลุ่มประเทศคู่ค้าหลายสิบแห่ง
ในช่วงที่ผ่านมา ไต้หวันมุ่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับสองรองจากจีน เพื่อรับมือกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ข้อมูลจากทางการสหรัฐฯ และไต้หวันเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ไต้หวันได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงสุดเป็นอันดับ 6 โดยส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากกว่านำเข้าเป็นมูลค่าถึง 7.392 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลการเจรจาครั้งนี้จึงนับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดยุทธศาสตร์การค้าและสถานะในห่วงโซ่อุปทานโลกของไต้หวันในอนาคต และถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไต้หวันที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก