นายโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า เขาคาดว่า3 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว เนื่องจากสหรัฐได้ปรับเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าของหลายสิบประเทศ โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (7 ส.ค.)
"หลังจากนี้ คุณจะได้รายได้จากภาษีชิปและเซมิคอนดักเตอร์ ได้จากภาษียา และจากสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย" นายลุตนิกกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อ Fox Business Network
ทั้งนี้ มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าเฉลี่ยของสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งศตวรรษ โดยประเทศคู่ค้าของสหรัฐต้องเผชิญกับอัตราภาษีศุลกากรระหว่าง 10%-50%
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์ยังประกาศแผนการเก็บภาษีนำเข้าชิปและเซมิคอนดักเตอร์สูงถึง 100% ยกเว้นสำหรับผู้ผลิตที่ให้คำมั่นว่าจะตั้งโรงงานผลิตในสหรัฐ และปธน.ทรัมป์ยังขู่ที่จะเรียกเก็บภาษียา ซึ่งจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 250% ในอนาคต
"เป้าหมายของท่านประธานาธิบดี คือการทำให้การผลิตชิปเกิดขึ้นในอเมริกา" เขากล่าว พร้อมคาดการณ์ว่า แผนดังกล่าวจะนำไปสู่การลงทุนราว 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการผลิตในประเทศ