ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับใหม่เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) เพื่อเปิดทางให้กองทุนเพื่อการเกษียณของชาวอเมริกัน หรือ "401(k)" สามารถนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้ เช่น หุ้นนอกตลาด (Private Equity), อสังหาริมทรัพย์ และแม้กระทั่งสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการเปิดประตูให้บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ สามารถเข้ามาบริหารเงินออมก้อนมหึมาของชาวอเมริกันที่มีมูลค่ากว่า 12 ล้านล้านดอลลาร์
ทำเนียบขาวให้เหตุผลว่า กฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไปและความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้อง เป็นอุปสรรคที่ทำให้ผู้เกษียณอายุพลาดโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยออกมาเตือนว่า การลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงโดยธรรมชาติ แถมยังขาดความโปร่งใสและมีค่าธรรมเนียมแพงกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิม
คำสั่งของทรัมป์ระบุว่า "รัฐบาลของผมจะเข้ามาทลายกำแพงกฎระเบียบและความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้อง ซึ่งเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้เงินเกษียณของคนอเมริกันงอกเงยและกระจายความเสี่ยง เพื่อให้ทุกคนได้เกษียณอย่างสุขสบายและมีศักดิ์ศรี"
คำสั่งดังกล่าวได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฯ ไปหาแนวทางปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อลดความเสี่ยงที่บริษัทจัดการกองทุนจะถูกนักลงทุนฟ้องร้อง
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้จัดการสินทรัพย์ทางเลือกรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในมุมของนักลงทุนรายย่อยกลับมีความน่ากังวลซ่อนอยู่ เพราะต้องเจอกับทั้งค่าธรรมเนียมที่แพงขึ้น ความซับซ้อนที่มากขึ้น และความโปร่งใสที่น้อยลง
สินทรัพย์ทางเลือกเหล่านี้มักมีข้อกำหนดในการเปิดเผยข้อมูลที่น้อยกว่า และขายเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ยากกว่าหุ้นหรือพันธบัตรทั่วไป แถมยังมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าอีกด้วย