เรียวเซ อาคาซาวะ หัวหน้าคณะผู้เจรจาภาษีศุลกากรของญี่ปุ่น กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.) ว่า สหรัฐฯ ได้ยอมรับว่าเกิดข้อผิดพลาดในการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับญี่ปุ่น และจะแก้ไขให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่สองฝ่ายได้ตกลงกันไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
นอกจากนี้ อาคาซาวะยังเผยว่า สหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะคืนภาษีนำเข้าที่เรียกเก็บผิดพลาดแก่ผู้นำเข้าสินค้าด้วย
การพบปะกับสื่อมวลชนมีขึ้นหลังจากอาคาซาวะได้หารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง และต่อด้วยการพูดคุยกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง อีกประมาณครึ่งชั่วโมง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ภาษีนำเข้าเฉพาะประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 7 ส.ค. แต่ญี่ปุ่นกลับไม่ได้รับการยกเว้นภาษีตามที่เชื่อว่าได้ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ภายใต้ข้อตกลงการค้า
ประเด็นสำคัญที่ยังเป็นคำถามคือ ภาษีนำเข้า 15% สำหรับสินค้าจากญี่ปุ่น จะถูกนำไปบวกเพิ่มกับภาษีอื่น ๆ ที่มีผลบังคับใช้อยู่ก่อนแล้วหรือไม่
ก่อนหน้านี้ อาคาซาวะได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันและบรรลุข้อตกลงกับทรัมป์เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้ สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่นที่ 15% ซึ่งต่ำกว่าอัตรา 24% ที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. และต่ำกว่าที่ทรัมป์เคยขู่ไว้ว่าจะปรับเป็น 25% เมื่อวันที่ 7 ก.ค.
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จากญี่ปุ่น จากเดิม 27.5% เหลือ 15% โดยแลกกับคำมั่นจากญี่ปุ่นว่าจะทุ่มเงินลงทุนในสหรัฐฯ มหาศาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าอัตราภาษีที่ลดลงดังกล่าวจะเริ่มมีผลเมื่อใด