สายการบินแอร์แคนาดา (Air Canada) และสหภาพแรงงานตัวแทนพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 10,000 คน เตรียมเปิดโต๊ะเจรจาที่มีผู้ไกล่เกลี่ยเป็นคนกลางในช่วงค่ำวันจันทร์นี้ (18 ส.ค.) นับเป็นการหารือกันครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการประท้วงหยุดงานครั้งใหญ่ที่สร้างความปั่นป่วนแก่ผู้โดยสารนับแสนราย และเป็นการเคลื่อนไหวที่อาจนำไปสู่ทางออกของวิกฤต
การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด หลังจากสหภาพแรงงานภาครัฐแห่งแคนาดา (CUPE) ยืนกรานที่จะประท้วงต่อไป แม้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์แห่งแคนาดา (CIRB) จะมีคำสั่งชี้ขาดว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วก็ตาม การปฏิเสธคำสั่งนี้ได้ยกระดับความขัดแย้งจนกลายเป็นการเผชิญหน้าสามเส้าระหว่างบริษัท พนักงาน และรัฐบาล
สหภาพ CUPE ยืนยันผ่านแถลงการณ์ว่า การประชุมนี้มีขึ้นที่นครโทรอนโต โดยมีวิลเลียม แคปแลน เป็นผู้ไกล่เกลี่ย อย่างไรก็ตาม สหภาพฯ ย้ำว่าการประท้วงยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเงื่อนไขสำคัญของการเจรจาคือพนักงานต้องกลับเข้าทำงานก่อน
แกนกลางของข้อพิพาทคือข้อเรียกร้องของพนักงานที่ต้องการค่าจ้างสูงขึ้น และที่สำคัญคือต้องการให้สายการบินจ่ายค่าตอบแทนสำหรับเวลาที่ต้องปฏิบัติหน้าที่บนภาคพื้นดิน เช่น การช่วยผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ซึ่งปัจจุบันเป็นภาระงานที่ไม่ได้รับค่าจ้างโดยเฉพาะ ประเด็นนี้ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการจ้างงาน แพตตี ฮัจดู ถึงกับแสดงความประหลาดใจและสั่งให้มีการสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่อง "การทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง" ในอุตสาหกรรมการบิน
ด้านไมค์ รูสโซ ซีอีโอของแอร์แคนาดา ปกป้องข้อเสนอเพิ่มค่าตอบแทน 38% ของบริษัท แต่ยอมรับว่ายังห่างไกลจากข้อเรียกร้องของสหภาพฯ ขณะที่รัฐมนตรีฮัจดูได้เพิ่มแรงกดดันโดยระบุว่า ข้อตกลงที่ผ่านการเจรจาคือ "ทางออกที่ดีที่สุด"
อนึ่ง การประท้วงหยุดงานของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ 16 ส.ค. ภายหลังการเจรจาสัญญาจ้างล้มเหลว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแผนการเดินทางของผู้คนหลายแสนคนในช่วงฤดูท่องเที่ยวที่สำคัญ