คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า การหลั่งไหลเข้ามาของแรงงานต่างชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของยูโรโซน นอกจากนี้ ยังช่วยชดเชยปัญหาที่เกิดจากชั่วโมงการทำงานที่สั้นลงและค่าจ้างที่แท้จริงที่ปรับตัวลดลงด้วย
ประธาน ECB แสดงความเห็นดังกล่าวในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 ส.ค.) โดยระบุว่า แม้ว่าอัตราการเกิดในสหภาพยุโรป (EU) ปรับตัวลดลง แต่การย้ายถิ่นฐานเข้าสู่ EU ส่งผลให้จำนวนประชากรพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567
ทั้งนี้ จำนวนประชากรของ EU ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 450.4 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด เนื่องจากจำนวนผู้อพยพที่เข้าสู่ EU ได้ชดเชยจำนวนประชากรที่ลดลงเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน
ลาการ์ดระบุว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนแรงงานจากนอกกลุ่ม EU ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 20 ประเทศ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของกลุ่ม EU โดยกล่าวว่า "แม้ว่าแรงงานต่างชาติจะคิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 9% ของกำลังแรงงานทั้งหมดในปี 2565 แต่แรงงานต่างชาติกลับมีส่วนถึงครึ่งหนึ่งในการเพิ่มขึ้นของจำนวนแรงงานในช่วงสามปีที่ผ่านมา หากปราศจากการสนับสนุนนี้ ภาวะตลาดแรงงานอาจตึงตัวมากขึ้นและผลผลิตอาจตกต่ำลง"
ประธาน ECB กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในเยอรมนีจะต่ำกว่าปี 2562 ประมาณ 6% หากไม่มีแรงงานต่างชาติ และกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่เศรษฐกิจสเปนทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่สิ้นสุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ได้ปัจจัยหนุนอย่างมากจากแรงงานต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ลาการ์ดกล่าวว่า รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ กำลังจำกัดการเดินทางเข้าของผู้อพยพรายใหม่ เพื่อตอบสนองต่อความไม่พอใจของประชาชนในประเทศ ขณะที่ในสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินหน้าจับกุมผู้อพยพที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนปราบปรามการข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย และยกเลิกสถานะทางกฎหมายของผู้อพยพนับแสนคนนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง