สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยในวันอังคาร (26 ส.ค.) ว่า รายได้จากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนก.ค.-ส.ค. และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งขึ้นอีกในเดือนก.ย.
เบสเซนต์กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ทำเนียบขาวว่า การคาดการณ์เบื้องต้นของเขาที่ว่า รายได้จากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจะอยู่ที่ 3 แสนล้านดอลลาร์นั้นต่ำเกินไป
เบสเซนต์กล่าวว่า "รายได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่เดือนก.ค.-ส.ค. และผมคิดว่ามันจะเพิ่มขึ้นอีกตั้งแต่เดือนส.ค.-ก.ย. ดังนั้นผมจึงคิดว่า เราอาจทำรายได้ได้มากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ หรืออาจแตะระดับล้านล้านเลยก็ได้ รัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลของคุณ ได้ช่วยลดการขาดดุลงบประมาณลงได้อย่างมีนัยสำคัญ"
รายได้จากภาษีจะช่วยชดเชยการขาดดุลที่เพิ่มมากขึ้นอันเกิดจากร่างกฎหมายลดภาษีและการใช้จ่ายของพรรครีพับลิกันที่ผ่านการเห็นชอบในปีนี้ โดยสำนักงบประมาณสหรัฐฯ (CBO) ประเมินว่า ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะทำให้การขาดดุลเพิ่มขึ้นถึง 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า
การกำหนดภาษีนำเข้าของทรัมป์ทำให้ยอดจัดเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นเกือบ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 7 พันล้านดอลลาร์ที่เก็บได้ในเดือนก.ค. 2567 ซึ่งใกล้เคียงกับยอดจัดเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิ.ย. โดยการปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรอย่างมีนัยสำคัญจากประเทศคู่ค้าเกือบทั้งหมดเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันจันทร์ (25 ส.ค.) ว่า ณ วันที่ 22 ส.ค. รัฐบาลจัดเก็บภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตรวมกันแล้ว 2.96 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ซึ่งเท่ากับยอดรวมภาษีตลอดเดือนก.ค. โดย ณ วันที่ 22 ก.ค. ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 7.8 พันล้านดอลลาร์ แต่การจัดเก็บภาษีศุลกากรอาจแตกต่างกันไปในแต่ละวัน
นอกจากนี้ เบสเซนต์ยังระบุอีกว่า CBO ได้ปรับขึ้นคาดการณ์รายได้ของรัฐบาลกลางจากภาษีศุลกากรของทรัมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยคาดว่า อาจลดการขาดดุลของรัฐบาลกลางลงได้ 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปี และคาดว่า ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีก