บริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2569 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 27 ก.ค. 2568 พร้อมกับคาดการณ์ว่า การเติบโตของรายได้ในไตรมาส 3 จะยังคงสูงกว่า 50% ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังไม่มีสัญญาณชะลอตัว
อินวิเดียเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 1.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.01 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 4.674 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.606 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ อินวิเดียระบุว่า โดยรวมแล้วรายได้ในไตรมาสดังกล่าวเพิ่มขึ้น 56% จากระดับ 3.004 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 9 ติดต่อกันที่รายได้ของบริษัทปรับตัวขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบรายปี นับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การเติบโตของ AI เชิงรู้สร้าง (Generative AI) เริ่มส่งผลต่อผลประกอบการของอินวิเดีย
ผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2/2569 ของอินวิเดียถือเป็นเครื่องยืนยันว่า ธุรกิจศูนย์ข้อมูลของอินวิเดียยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ทั่วโลก โดยโคเลตต์ เครสส์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินของอินวิเดียกล่าวในระหว่างการแถลงผลประกอบการว่า บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ประมาณ 3 - 4 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นทศวรรษนี้
อินวิเดียคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ บวกลบไม่เกิน 2% โดยตัวเลขดังกล่าวไม่รวมรายได้จากการจัดส่งชิปรุ่น H20 ให้กับจีน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาส 3 ของอินวิเดียจะอยู่ที่ 5.31 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี หุ้นอินวิเดียร่วงลงกว่า 3% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ (28 ส.ค.) หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ารายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 4.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.134 หมื่นล้านดอลลาร์