สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาถึง 0.5% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะปรับลดลงเพียง 0.25% โดยสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปรับเพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการณ์หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนส.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (5 ก.ย.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 75,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
หลังการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว นักลงทุนในตลาดการเงินให้น้ำหนัก 97.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้
สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดระบุว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ที่อ่อนแอเกินคาดจะเปิดทางให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมเดือนนี้ อย่างไรก็ดี สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด คาดว่าเฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังการประชุมเดือนก.ย. เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
นอกเหนือจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ยังเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 38,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่ภาครัฐมีการจ้างงานลดลง 16,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ